วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บทที่ 5


วิธีการใช้งานโปรแกรมเบื้องต้น



ส่วนประกอบต่าง ๆ ของโปรแกรม




Menu Bar  คือ    แถบรวบรวมคำสั่งหลักทุกคำสั่งในการใช้โปรแกรมTool
 
  File - มีไว้สำหรับเปิด-ปิด และ บันทึก (Save) ไฟล์ รวมถึงการ Import, Export การสั่งการพิมพ์ เป็นต้น
  Edit เป็นคำสั่งสำหรับการปรับแต่ง แก้ไข ดัดแปลง ตัดต่อ รวมถึงการปรับตั้งค่าต่างๆ (Preferences)
 
Image คำสั่งนี้ใช้สำหรับปรับค่าต่างๆของภาพทั้งภาพ
  Layer เป็นคำสั่งในการสร้างเลเยอร์ การปรับแต่งแต่ละ เลเยอร์ รวมถึงการรวมเลเยอร์เข้าด้วยกัน
   
  Select เป็นคำสั่งหรือจัดการกับพื้นที่ที่ต้องการทำงาน ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ร่วมกับเครื่องมือใน Tool box
 
Filter เป็นคำสั่งที่ใช้ในการปรับเปลี่ยนโดยอัตโนมัต มีฟิลเตอร์หลากหลายชนิดให้เลือกใช้
 
Analysis เป็นการกำหนดค่าของเครื่องมือที่ใช้ในการวัดขนาด
 
3D เป็นคำสั่งที่ใช้ในการสร้างภาพให้เป็นสามมิติ
   
  View เป็นคำสั่งที่ใช้ในการปรับเปลี่ยนมุมมอง การย่อหรือขยายขนาดของพื้นที่งาน รวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการวัด
   และเส้น
Grid ด้วย
  Window คำสั่งนี้มีใว้เพื่อจัดการเกี่ยวกับพื้นที่บนหน้าจอ และการสั่งการแสดงหรือซ่อน หน้าต่าง Palette และ
   กำหนดค่า
Tool preset
     
Help - เป็นคำสั่งช่วยเหลือเกี่ยวกับการใช้งานต่างๆ






ส่วนประกอบต่าง ๆ ของโปรแกรม

Option Bar  คือ  แถบตัวเลือกของเครื่องมือซึ่งจะปรากฎขึ้นเมื่อเลือกใช้เครื่องมือ  ซึ่งจะปรากฎเมื่อเลือกใช้เครื่องมือ Toolbox สะดวกตามการใช้  งาน
ToolBox  คือ  กล่องเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำงาน เช่น เครื่องมือ  เกี่ยวกับการเลือกและแก้ไข 
Status Bar  คือ  ใช้แสดงข้อความที่เป็นประโยชน์ในขณะทำงาน เช่น SaveFile


การกำหนดขนาดงานใหม่ (NEW)



1. คลิกเมนู File> New   เพื่อกำหนดขนาดงานใหม่
2.ตังชื่อไฟล์ในช่อง Name
3.กำหนด หน่วยของขนาดงาน
                Pixels      =   พิกเซล
  Cm       =   เซนตติเมตร
  Inches       =   นิ้ว
4.กำหนดค่าความกว้างความสูงของงาน
  width     =   ความกว้าง
  Height   =   ความสูง
5.กำหนดค่าความละเอียดในการประมวลผลงาน
6.กำหนดโหมดสีในการแสดงผล




THE  END

บทที่ 4


บทที่ 1 รู้จักกับ Illustrator CS3
โปรแกรม Illustrator
                Illustrator คือโปรแกรมที่ใช้ในการวาดภาพที่มีลักษณะเป็นลายเส้นหรือเวกเตอร์ และยังสามารถรวมภาพกราฟฟิกที่แตกต่างกันระหว่างเวกเตอร์และบิตแม็พ ให้เป็นงานกราฟฟิกที่มีทั้งภาพเป็นเส้นที่คมชัดและ มีเอฟเฟกต์สีสัน สวยงามหรือมีความแปลกใหม่ร่วมกันได้
Adobe Illustrator CS3
อะโดบี อิลลัสเตรเตอร์ (Adobe Illustrator) เป็นโปรแกรมวาดภาพกราฟิกแบบเวกเตอร์ ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทอะโดบีซิสเต็มส์ รุ่นแรก จัดทำขึ้นในปี ค.ศ. 1986 เพื่อใช้งานกับเครื่องแมคอินทอช และได้พัฒนารุ่นที่ 2 ออกมาให้ใช้งานได้กับวินโดวส์ ซึ่งได้รับความพึงพอใจ และ การตอบรับที่ดีจากผู้ใช้เป็นจำนวนมาก จนปัจจุบันได้พัฒนาออกมาจนถึงรุ่นที่ 14 และได้รวบรวมเข้าไปเป็น 1 ในโปรแกรมชุด Adobe Creative (CS4)
รุ่นต่างๆ                    
Adobe Illustrator 1.0 (Mac OS) (มกราคม ค.ศ. 1987)
Adobe Illustrator 1.1 (Mac OS) (มีนาคม ค.ศ. 1997)
Adobe Illustrator 88 (Mac OS) (มีนาคม ค.ศ. 1988)
Adobe Illustrator 2.0 (Windows) (มกราคม ค.ศ. 1989)
Adobe Illustrator 3.0 (Mac OS) (ตุลาคม ค.ศ. 1990)
Adobe Illustrator 3.5 (Solaris, Silicon Graphics) (ค.ศ. 1990)
Adobe Illustrator 4.0 (Windows) (พฤษภาคม ค.ศ. 1992)
Adobe Illustrator 5.0 (Mac OS) (มิถุนายน ค.ศ. 1993)
Adobe Illustrator 5.5 (Mac OS) (มิถุนายน ค.ศ. 1994)
Adobe Illustrator 4.1 (Windows) (ค.ศ. 1995)
Adobe Illustrator 6.0 (Mac OS) (กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1996)
Adobe Illustrator 7.0 (Mac/Windows) (พฤษภาคม ค.ศ. 1997)
Adobe Illustrator 8.0 (Mac/Windows) (กันยายน ค.ศ. 1998)
Adobe Illustrator 9.0 (Mac/Windows) (มิถุนายน ค.ศ. 2000)
Adobe Illustrator 10.0 (Mac/Windows) (พฤศจิกายน ค.ศ. 2001)
Adobe Illustrator CS (Mac/Windows) (11.0) (ตุลาคม ค.ศ. 2003)
Adobe Illustrator CS2 (Mac/Windows) (12.0) (เมษายน ค.ศ. 2005)
Adobe Illustrator CS3 (Mac/Windows) (13.0) (มีนาคม ค.ศ. 2007)
Adobe Illustrator CS4 (Mac/Windows) (14.0) (ประมาณ ค.ศ. 2008)


งานสิ่งพิมพ์
                ไม่ว่าจะเป็นงานโฆษณา โบร์ชัวร์ นามบัตร หนังสือ หรือนิตยสาร เรียกได้ว่าเกือบทุกสิ่งพิมพ์ที่ต้องการความคมชัด 



งานเว็บไซต์บนอินเตอร์เน็ต
                ใช้สร้างภาพตกแต่งเว็บไซต์ไม่ว่าจะเป็น Background หรือปุ่มตอบโต้ แถบหัวเรื่องตลอดจนภาพประกอบต่างๆ ที่ปรากฏบนหน้าเว็บ












เครื่องมือและคำสั่งต่างๆ ในโปรแกรม Illustrator ( ต่อ )

Selection tool เครื่องมือกลุ่มนี้ว่าด้วยเรื่องการเลือกวัตถุ ประกอบไปด้วย

Selection tool(ลูกศรสีดำ)ใช้เลือกวัตถุทั้งชิ้น

Direct-selection tool(ลูกศรสีขาว)ใช้เลือก points หรือ path ของวัตถุ (กดคีย์ Alt)

Magic wand tool(ไม้เท้าวิเศษ)เป็นเครื่องมือใหม่ ใช้เลือกวัตถุที่มีสีเดียวกัน การใช้งานเหมือนใน Photoshop (กดคีย์ Alt และ Shift)

Lasso tool ใช้เลือกโดยการคลิกเมาส์ Drag การใช้งานเหมือนใน Photoshop (กดคีย์ Alt และ Shift)
Create tool เครื่องมือกลุ่มนี้ว่าด้วยการสร้าง objects ไม่ว่าจะเป็นเส้น รูปทรงต่างๆ และตัวหนังสือ

Pen tool สร้างเส้น parthอย่างแม่นยำ โดยการใช้แขน มีผลทำให้ object มีจุดน้อย-น้อยมาก ส่วนเครื่องมือย่อยจะเอาไว้ใช้ปรับแต่ง curved ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจุด ลบจุด หักแขนของแกนเส้นสัมผัส (กดคีย์ Alt)

Type tool ใช้พิมตัวหนังสือ ข้อความต่างๆ ส่วนเครื่องมือย่อย ก็ง่ายๆตามรูป ใช้พิมพ์ตัวหนังสือให้อยู่ในกรอบบ้าง ทำตัวอักษรวิ่งตาม paths บ้าง ซึ่งผมจะไม่อธิบายมากเพราะ ไอคอนก็ง่ายต่อการจดจำอยู่แล้ว

Line segment tool อันนี้ไว้ลากเส้นตรง ในรายละเอียดของเครื่องมือย่อยก็ไม่มีอะไรมาก เช่นไว้ทำขดก้นหอย ทำ grid ของตารางหมากรุก grid แบบใยแมงมุม

Basic shape tool เอาไว้วาดรูปทรงพื้นฐาน 3-4-หลายเหลี่ยม และวงกลม shape รูปดาว แต่ที่เด่นที่สุดคือ flare tool ใช้สร้างเอฟเฟค lens-flare (กดคีย์ Alt หรือ Shift และ Alt+Shift)

Paintbrush tool แปรงที่เอาไว้สร้างเส้น parth โดยการ drag เมาส์ลากอย่างอิสสระ สามารถใช้ brush แบบพิเศษ (กดคีย์ Alt)

Pencil tool จะคล้ายๆ paintbrush tool แต่จะมีเครื่องมือย่อยให้เรียกใช้ในการแก้ไขเส้น ซึ่งจะช่วยในการปรับแต่งแก้ไข และทำให้งานดูดี+เร็วขึ้น (กดคีย์ Alt)
Transform tool เครื่องมือกลุ่มนี้ใช้ในการปรับแต่งรูปทรงของวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นหมุน เอียง บิด กลับด้าน ย่อ ขยาย นอกจากนี้ยังมีเอฟเฟคต่างๆด้วย

Rotate tool ใช้ในการหมุนวัตถุ โดยการกำหนดจุดหมุนก่อนแล้วจึงทำการหมุน ซึ่งสามารถกำหนดได้ว่าต้องการหมุนกี่องศา (กดคีย์ Alt)

Reflect tool ใช้ในการกลับด้านของวัตถุ (กดคีย์ Alt)

Twist tool ใช้ในการบิดวัตถุ โดยการกำหนดจุดก่อนแล้วจึงทำการบิด ซึ่งสามารถกำหนดได้ว่าต้องการบิดมากน้อย (กดคีย์ Alt)

Scale tool ปลับย่อขยายวัตถุ (กดคีย์ Alt และ Shift)

Shear tool ใช้เอียงวัตถุ (กดคีย์ Alt)

Reshape tool ใช้เพิ่มจุด และดึงยืดวัตถุ



10 เหตุผลที่หลงรัก illustrator
                ต้องขอบอกก่อนว่า .AI ในที่นี่หมายถึงไฟล์นามสกุล .ai หรือสกุลไฟล์ของโปรแกรม illustrator นั่นเอง หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าไฟล์ Graphic นั้นมีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆคือ ไฟล์ประเภท Bitmap และ Vector 
                ไฟล์ Bitmap เป็นไฟล์ที่เกิดจากจุดเล็กๆของ pixels หลายๆจุดรวมตัวกันเป็นภาพหนึ่งภาพ ความคมชัดของภาพจะขึ้นอยู่กับจำนวน pixels แต่ถ้าหากลองขยายภาพดูเยอะๆจะทำให้ภาพไม่คมชัดจะเห็นเป็นจุดสี่เหลี่ยมหลายๆจุดเรียงกันนั่นเอง
                ไฟล์ Vector เป็นไฟล์ภาพที่เกิดจากการสร้างด้วยส่วนประกอบของเส้นในลักษณะต่างๆ ซึ่งเส้นเหล่านี้เกิดจากการคำนวณทางคณิตศาสตร์ คือจุดๆของเส้นโค้งและเส้นตรงหลายๆจุดเป็นลักษณะของภาพโครงร่าง ( Outline ) เมื่อมีการแก้ไขภาพก็จะเป็นการแก้ไขของเส้นทำให้ไม่เสียความคมชัดของภาพไปเมื่อมีการขยาย
(นี่แหล่ะคือความโดดเด่นที่ไม่มีใครเหมือนของ illustrator)
มาดูเหตุผลที่ทำให้ผมหลงรักโปรแกรม illustrator กันครับ 
1. ภาพคมชัดไม่ว่าคุณจะขยายสักเท่าใดก็ตาม
2. มันสามารถไล่โทนสีได้สมจริงที่สุดโปรแกรมหนึ่ง (Photoshop ชิดซ้าย)
3. โปรแกรมกินทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์น้อยมาก (เครื่องสเป็กไม่สูงมากก็สามารถใช้เจ้า
illustrator ได้)                                            
4. ขนาดของไฟล์ .ai มีขนาดเล็กมากๆ สะดวกต่อการโอนถ่ายต่างๆ (อันนี้เจ๋งจริงๆ)
5. โปรแกรมถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย มีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย
6. เป็นสุดยอดโปรแกรมที่ครองตลาดกราฟฟิคตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน (เชื่อเหอะหากคุณได้รับ job ลูกค้า
จะต้องขอให้คุณทำออกมาเป็นไฟล์ .ai แน่นอน)
7. โปรแกรมถูกออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นกับการนำไปใช้กับโปรแกรมอื่นๆ (ไมว่าจะเป็น Flash
Photoshop Acrobat และอื่นๆ ในตระกูล Adobe)
8. มันสามารถเซฟไฟล์ออกมาได้หลาย format สะดวกต่อการนำไปใช้อย่างยิ่ง (.gif  .Tiff .Pdf .Jpeg
9. มันทำให้คุณสามารถสร้างงานชิ้นนึงออกมาได้อย่างรวดเร็ว (หากคุณถึงขั้นเซียนแล้วรับรองว่า
คุณจะเป็นที่รักของเจ้านายอย่างแน่นอน)
10.    อื่นๆ อีกเยอะแยะมากมายที่ผมคิดไม่ออก และนั่นเป็นเหตุผลที่เด่นๆที่ผมพอจะนึกออก ที่ทำให้เจ้า
โปรแกรมตัวนี้ครองใจผมมานานช้านาน หากคุณมีเหตุผลที่แตกต่างจากนี้กรุณาแบ่งปันความรู้สึกที่มีต่อเจ้า illustrator ตัวนี้กันแล้วคุณจะหลงรักมัน




บทที่ 3


องค์ประกอบในการออกแบบ
-    เส้น (Line)  -    รูปร่าง (Shape)
-     รูปทรง (Form)   -    ขนาด (Size)
-     ทิศทาง (Direction)  -      พื้นที่ว่าง (Space)
-      ลักษณะพื้นผิว (Texture)  -      ค่าน้ำหนักของสี (Value)
-      สี (Color)   -      วรรณะของสี (Tone of Color)


หลักการออกแบบ

-     จังหวะ (Rhythm)  -      การแปรเปลี่ยน (Gradation)
-      ความกลมกลืน (Harmony)   -      การตัดกัน (Contrast)
-      สัดส่วน (Proportion)  -      ความสมดุล (Balance)
-      การเน้น (Emphasis)  -      เอกภาพ (Unity)





บทที่2


กราฟิก  หมายถึง 
การสื่อความหมายด้วยการใช้ศิลปะและศาสตร์ทางการใช้เส้น  ภาพวาด ภาพเขียน  แผนภาพ  ตลอดจนสัญลักษณ์  ทั้งสีและขาว ดำ  ซึ่งมีลักษณะเห็นได้ชัดเจน  เข้าใจความหมายได้ทันที ตรงตามที่ผู้สื่อสารต้องการ


อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในงานกราฟิก


หลักการใช้สีและแสงในเครื่องคอมพิวเตอร์

ปกติเมื่อพูดถึงสี มักจะนึกถึงแม่สี 3 สี แต่อย่างไรก็ตาม การใช้สีกับงานกราฟิกในคอมพิวเตอร์ มีรายละเอียดหลายประการ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ ดังนั้นจึงควรทราบระบบสีของคอมพิวเตอร์ก่อน
ระบบสีของคอมพิวเตอร์ จะเกี่ยวข้องกับการแสดงผลแสงที่แสดงบนจอคอมพิวเตอร์ โดยมีลักษณะการแสดงผล คือ ถ้าไม่มีแสดงผลสีใดเลย บนจอภาพจะแสดงเป็น "สีดำ" หากสีทุกสีแสดงผลพร้อมกัน จะเห็นสีบนจอภาพเป็น "สีขาว" ส่วนสีอื่นๆ เกิดจากการแสดงสีหลายๆ สี แต่มีค่าแตกต่างกัน การแสดงผลลักษณะนี้ เรียกว่า การแสดงสีระบบ Addivtive
สีในระบบ Additive ประกอบด้วยสีหลัก 3 สี (เช่นเดียวกับแม่สี) คือ สีแดง (Red) สีเขียว (Green) และ สีน้ำเงิน (Blue) เรียกรวมกันว่า RGB ซึ่งมีรูปแบบการผสมสีของ RGB ดัง
หลักการใช้สีและแสงในเครื่องคอมพิวเตอร์ 

โหมด CMYK (Cyan, Magenta, Yellow, blacK

ประกอบด้วยสีสี่สี คือ สีเขียวปนน้ำเงิน, สีม่วงแดงเข้ม, สีเหลือง และสีดำ เกิดจากการผสมกันของแม่สีของแสงหรือระบบสี
RGB คือ แสงสีน้ำเงิน + แสงสีเขียว = สีฟ้า (Cyan) แสงสีน้ำเงิน + แสงสีแดง = สีแดง(Magenta) แสงสีแดง + แสงสีเขียว = สีเหลือง (Yellow) สีฟ้า (Cyan) สีแดง (Magenta) สีเหลือง (Yellow) นี้นำมาใช้ในระบบการพิมพ์ และ มีการเพิ่มเติม สีดำเข้าไป เพื่อให้มีน้ำหนักเข้มขึ้นอีก เมื่อรวมสีดำ ( Black = K ) เข้าไป จึงมีสี่สี โดยทั่วไปจึงเรียกระบบการพิมพ์นี้ว่าระบบการพิมพ์สี่สี(CMYK) ระบบการพิมพ์สี่สี ( CMYK ) เป็นการพิมพ์ภาพในระบบที่ทันสมัยที่สุด และได้ภาพ ใกล้เคียงกับภาพถ่ายมากที่สุด โดยทำการพิมพ์ทีละสี จากสีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน และสีดำ ถ้าลองใช้แว่นขยายส่องดู ผลงานพิมพ์ชนิดนี้ จะพบว่า จะเกิดจากจุดสีเล็ก ๆ สี่สีอยู่เต็มไปหมด การที่เรามองเห็นภาพมีสีต่าง ๆ นอกเหนือจากสี่สีนี้ เกิดจากการผสมของเม็ดสีเหล่านี้ใน ปริมาณต่าง ๆ คิดเป็น % ของปริมาณเม็ดสี ซึ่งกำหนดเป็น
10-20-30-40-50-60-70-80-90 จนถึง100 %